top of page

ความแตกต่างของคำว่า ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ ตามกฎหมายไทย

อัปเดตเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา

ในชีวิตประจำวัน เราอาจได้ยินคำศัพท์เกี่ยวกับอาชญากรรมทรัพย์สินหลายคำ เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฉ้อโกงทรัพย์ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าแต่ละคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และทำไมกฎหมายถึงแยกแยะชัดเจนขนาดนี้ การเข้าใจความแตกต่างของอาชญากรรมทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเข้าใจกฎหมายมากขึ้น แต่ยังช่วยในการป้องกันตัวเองและทราบถึงโทษที่แตกต่างกันของแต่ละความผิด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับอาชญากรรมทรัพย์สิน 7 ประเภทที่สำคัญตามประมวลกฎหมายอาญาไทย พร้อมยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายในแต่ละกรณี

ในชีวิตประจำวัน เราอาจได้ยินคำศัพท์เกี่ยวกับอาชญากรรมทรัพย์สินหลายคำ เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฉ้อโกงทรัพย์ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าแต่ละคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และทำไมกฎหมายถึงแยกแยะชัดเจนขนาดนี้ การเข้าใจความแตกต่างของอาชญากรรมทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเข้าใจกฎหมายมากขึ้น แต่ยังช่วยในการป้องกันตัวเองและทราบถึงโทษที่แตกต่างกันของแต่ละความผิด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับอาชญากรรมทรัพย์สิน 7 ประเภทที่สำคัญตามประมวลกฎหมายอาญาไทย พร้อมยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายในแต่ละกรณี

1. ลักทรัพย์ (Theft)

นิยาม: ลักทรัพย์หมายถึง การนำทรัพย์สินของผู้อื่นไปโดยมิชอบ โดยมีเจตนาจะถือเป็นของตนเอง และการกระทำนั้นต้องไม่ใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่

องค์ประกอบความผิด:

  • นำทรัพย์สินของผู้อื่นไป

  • กระทำโดยมิชอบ (ไม่ได้รับอนุญาต)

  • มีเจตนาถือเป็นของตน

  • ไม่ใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่

โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง: นายสมชาย เข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้านขณะที่ไม่มีใครอยู่ แล้วนำโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะไปขาย โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ และไม่มีใครเห็น การกระทำของนายสมชายถือเป็น "ลักทรัพย์"


2. วิ่งราวทรัพย์ (Snatching)

นิยาม: วิ่งราวทรัพย์เป็นการลักทรัพย์รูปแบบหนึ่ง โดยผู้กระทำจะแย่งชิงทรัพย์สินจากมือหรือตัวของเจ้าของโดยใช้ความรวดเร็ว แต่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงที่รุนแรงจนทำให้เจ้าของหวาดกลัว

องค์ประกอบความผิด:

  • แย่งชิงทรัพย์สินจากเจ้าของโดยตรง

  • ใช้ความรวดเร็วและความไม่ระมัดระวังของเจ้าของ

  • ไม่ใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่อย่างรุนแรง

โทษ: เช่นเดียวกับลักทรัพย์ คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง: นางสาวสมศรี กำลังเดินถือกระเป๋าถือไว้หลวมๆ นายพิชัย วิ่งผ่านมาแล้วฉวยกระเป๋าจากมือของนางสาวสมศรีไป จากนั้นก็วิ่งหนีไป โดยไม่ได้ทำร้ายหรือข่มขู่นางสาวสมศรีแต่อย่างใด การกระทำของนายพิชัยถือเป็น "วิ่งราวทรัพย์"


วิ่งราวทรัพย์ (Snatching)

นิยาม: วิ่งราวทรัพย์เป็นการลักทรัพย์รูปแบบหนึ่ง โดยผู้กระทำจะแย่งชิงทรัพย์สินจากมือหรือตัวของเจ้าของโดยใช้ความรวดเร็ว แต่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงที่รุนแรงจนทำให้เจ้าของหวาดกลัว

3. ชิงทรัพย์ (Robbery - Minor Force)

นิยาม: ชิงทรัพย์คือการนำทรัพย์สินของผู้อื่นไปโดยใช้ความรุนแรงเล็กน้อยหรือการข่มขู่ที่ไม่รุนแรงมาก เพื่อให้เจ้าของยอมมอบทรัพย์สินให้

องค์ประกอบความผิด:

  • ใช้ความรุนแรงเล็กน้อยหรือการข่มขู่

  • เพื่อนำทรัพย์สินของผู้อื่นไป

  • ความรุนแรงไม่ถึงขั้นทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง

โทษ: จำคุก 1 ปีถึง 10 ปี และปรับ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท

ตัวอย่าง: นายสมศักดิ์ เข้าไปหาเจ้าของร้านสะดวกซื้อ แล้วบอกว่า "เอาเงินในลิ้นชักมาให้ ไม่งั้นจะทำร้าย" พร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าจะตบ เจ้าของร้านจึงยอมให้เงินไป แม้ว่านายสมศักดิ์จะไม่ได้ทำร้ายจริง แต่การข่มขู่นี้ถือเป็น "ชิงทรัพย์"


4. ปล้นทรัพย์ (Robbery - Serious Force)

นิยาม: ปล้นทรัพย์เป็นอาชญากรรมที่รุนแรงกว่าชิงทรัพย์ โดยผู้กระทำจะใช้ความรุนแรงร้ายแรง การข่มขู่ด้วยอาวุธ หรือทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวอย่างมาก

องค์ประกอบความผิด:

  • ใช้ความรุนแรงร้ายแรงหรือการข่มขู่ด้วยอาวุธ

  • เพื่อนำทรัพย์สินของผู้อื่นไป

  • ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวอย่างมาก

โทษ: จำคุก 5 ปีถึง 20 ปี และปรับ 10,000 บาทถึง 40,000 บาท

ตัวอย่าง: นายธนา ถือมีดเข้าไปในธนาคาร แล้วตะโกนบอกพนักงานว่า "เอาเงินมาให้หมด ไม่งั้นจะแทง" พร้อมกับโบกมีดใส่พนักงาน ทำให้พนักงานกลัวมากและยอมให้เงินไป การกระทำของนายธนาถือเป็น "ปล้นทรัพย์"

ล้นทรัพย์ (Robbery - Serious Force)

นิยาม: ปล้นทรัพย์เป็นอาชญากรรมที่รุนแรงกว่าชิงทรัพย์ โดยผู้กระทำจะใช้ความรุนแรงร้ายแรง การข่มขู่ด้วยอาวุธ หรือทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวอย่างมาก

5. กรรโชกทรัพย์ (Extortion)

นิยาม: กรรโชกทรัพย์คือการบังคับให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สิน โดยใช้การข่มขู่ว่าจะทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน หรือเปิดเผยความลับ

องค์ประกอบความผิด:

  • ข่มขู่ว่าจะทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน

  • หรือข่มขู่ว่าจะเปิดเผยความลับ

  • เพื่อบังคับให้ได้ทรัพย์สิน

โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง: นายสมเกียรติ รู้ว่านายกิตติ มีความสัมพันธ์นอกใจภรรยา จึงโทรไปบอกนายกิตติว่า "ถ้าไม่เอาเงิน 100,000 บาทมาให้ จะเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาและเจ้านายฟัง" การกระทำของนายสมเกียรติถือเป็น "กรรโชกทรัพย์"


6. ฉ้อโกงทรัพย์ (Fraud)

นิยาม: ฉ้อโกงทรัพย์คือการหลอกลวงผู้อื่นให้เชื่อในข้อความเท็จ หรือปกปิดความจริงที่ควรบอก เพื่อให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สินให้โดยสมัครใจ

องค์ประกอบความผิด:

  • หลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ

  • ทำให้ผู้อื่นเชื่อและมอบทรัพย์สินให้โดยสมัครใจ

  • ผู้กระทำมีเจตนาฉ้อโกงตั้งแต่แรก

โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง: นายสมพงษ์ โทรหาคุณยาย แล้วอ้างว่าเป็นหลานชาย พร้อมกับบอกว่าเกิดอุบัติเหตุต้องการเงินเร่งด่วน คุณยายเชื่อจึงโอนเงิน 50,000 บาทให้ ต่อมาจึงรู้ว่าถูกหลอก การกระทำของนายสมพงษ์ถือเป็น "ฉ้อโกงทรัพย์"


ฉ้อโกงทรัพย์ (Fraud) นิยาม: ฉ้อโกงทรัพย์คือการหลอกลวงผู้อื่นให้เชื่อในข้อความเท็จ หรือปกปิดความจริงที่ควรบอก เพื่อให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สินให้โดยสมัครใจ
องค์ประกอบความผิด

7. ยักยอกทรัพย์ (Embezzlement)

นิยาม: ยักยอกทรัพย์คือการนำทรัพย์สินที่ตนมีหน้าที่ครอบครองหรือดูแลอยู่แล้วไปใช้ประโยชน์ส่วนตน โดยมิชอบ

องค์ประกอบความผิด:

  • มีหน้าที่ครอบครองหรือดูแลทรัพย์สินอยู่แล้ว

  • นำทรัพย์สินนั้นไปใช้ส่วนตนโดยมิชอบ

  • มีเจตนาถือเป็นของตนหรือผู้อื่น

โทษ: จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (หากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โทษจะหนักขึ้น)

ตัวอย่าง: นายสมหมาย เป็นแคชเชียร์ของร้านค้า เขานำเงินในเครื่องคิดเงินที่เป็นของร้านมาใช้ส่วนตัว แล้วปิดบัญชีรายรับเป็นจำนวนที่น้อยลง การกระทำของนายสมหมายถือเป็น "ยักยอกทรัพย์"


ข้อแตกต่างสำคัญที่ควรจำ

1. ลักษณะการกระทำ

  • ลักทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์: ไม่ใช้ความรุนแรง

  • ชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์: ใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่

  • กรรโชกทรัพย์: ใช้การข่มขู่แต่ไม่ได้ต้องการทรัพย์สินทันที

  • ฉ้อโกงทรัพย์: ใช้การหลอกลวง

  • ยักยอกทรัพย์: ทรัพย์สินอยู่ในความครอบครองอยู่แล้ว


2. ระดับความรุนแรงของโทษ

จากเบาไปหนัก: ลักทรัพย์ = วิ่งราวทรัพย์ = กรรโชกทรัพย์ = ฉ้อโกงทรัพย์ = ยักยอกทรัพย์ < ชิงทรัพย์ < ปล้นทรัพย์


3. เงื่อนไขพิเศษ

  • ชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์: ความแตกต่างอยู่ที่ระดับความรุนแรง

  • ยักยอกทรัพย์: ต้องมีความสัมพันธ์ในการครอบครองทรัพย์สินอยู่แล้ว

  • กรรโชกทรัพย์: อาจไม่ได้รับทรัพย์สินทันที แต่เป็นการข่มขู่เพื่อประโยชน์ในอนาคต


ผลกระทบต่อผู้เสียหายและสังคม

อาชญากรรมทรัพย์สินแต่ละประเภทส่งผลกระทบต่อผู้เสียหายและสังคมในระดับที่แตกต่างกัน:

ผลกระทบทางจิตใจ: ปล้นทรัพย์และชิงทรัพย์มักทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและบาดเจ็บทางจิตใจมากกว่าลักทรัพย์หรือฉ้อโกงทรัพย์

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: ทุกประเภทส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ฉ้อโกงทรัพย์และยักยอกทรัพย์มักเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่มากกว่า

ความไว้วางใจในสังคม: กรรโชกทรัพย์และฉ้อโกงทรัพย์ทำลายความไว้วางใจระหว่างบุคคลในสังคม


การป้องกันและแนวทางปฏิบัติ

สำหรับบุคคลทั่วไป:

  • ป้องกันลักทรัพย์: ล็อคประตูบ้าน ไม่ทิ้งของมีค่าไว้ที่เห็นได้ง่าย

  • ป้องกันวิ่งราวทรัพย์: ถือกระเป๋าให้แน่น เดินในที่มีคนเยอะ

  • ป้องกันชิงทรัพย์/ปล้นทรัพย์: หลีกเลี่ยงการเดินคนเดียวในที่เปลี่ยว ไม่โอ้อวดทรัพย์สิน

  • ป้องกันกรรโชกทรัพย์: ระวังการเก็บความลับที่อาจถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด

  • ป้องกันฉ้อโกงทรัพย์: ตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อ ไม่โอนเงินให้คนแปลกหน้า

  • ป้องกันยักยอกทรัพย์: จัดระบบตรวจสอบสมดุลของบริษัท/องค์กร


สำหรับผู้ประกอบการ:

  • ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด

  • มีระบบการตรวจสอบภายในที่เข้มงวด

  • อบรมพนักงานเรื่องความซื่อสัตย์

  • แยกหน้าที่การเงินให้ชัดเจน


บทสรุป

การทำความเข้าใจความแตกต่างของอาชญากรรมทรัพย์สินตามกฎหมายไทยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างเหมาะสม และเข้าใจถึงผลทางกฎหมายที่แตกต่างกันของแต่ละความผิด

สิ่งสำคัญที่ควรจำคือ แม้ว่าบางความผิดจะมีโทษที่เท่ากัน แต่วิธีการดำเนินคดีและผลกระทบต่อผู้เสียหายอาจแตกต่างกัน การรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

หากท่านพบเหตุการณ์เหล่านี้ ควรแจ้งความดำเนินคดีทันที และขอคำปรึกษาจากทนายความเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ตามกฎหมาย


ตารางสรุปความแตกต่างของอาชญากรรมทรัพย์สิน

ประเภทความผิด

วิธีการกระทำ

ใช้ความรุนแรง

โทษจำคุก

โทษปรับ

ตัวอย่าง

ลักทรัพย์

นำทรัพย์สินไปลับๆ

ไม่ใช้

ไม่เกิน 3 ปี

ไม่เกิน 6,000 บาท

ขโมยโทรศัพท์จากบ้าน

วิ่งราวทรัพย์

แย่งชิงแบบรวดเร็ว

ไม่ใช้

ไม่เกิน 3 ปี

ไม่เกิน 6,000 บาท

ฉวยกระเป๋าแล้วหนี

ชิงทรัพย์

ใช้ความรุนแรงเล็กน้อย

ใช้เล็กน้อย

1-10 ปี

2,000-20,000 บาท

ข่มขู่ให้เงินโดยไม่ใช้อาวุธ

ปล้นทรัพย์

ใช้ความรุนแรงร้ายแรง

ใช้มาก

5-20 ปี

10,000-40,000 บาท

ใช้มีดปล้นธนาคาร

กรรโชกทรัพย์

ข่มขู่เพื่อเอาทรัพย์สิน

ข่มขู่

ไม่เกิน 3 ปี

ไม่เกิน 6,000 บาท

ข่มขู่เปิดเผยความลับ

ฉ้อโกงทรัพย์

หลอกลวงให้เชื่อ

ไม่ใช้

ไม่เกิน 3 ปี

ไม่เกิน 6,000 บาท

หลอกโอนเงินว่าเป็นหลาน

ยักยอกทรัพย์

นำทรัพย์สินที่ดูแลอยู่ไป

ไม่ใช้

ไม่เกิน 3 ปี*

ไม่เกิน 6,000 บาท*

พนักงานขโมยเงินร้าน

*หมายเหตุ: โทษของยักยอกทรัพย์อาจหนักขึ้นหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือกรณีพิเศษอื่นๆ

Comments


bottom of page