top of page

การไลฟ์ขายของยังไปได้อยู่ไหม? - วิเคราะห์อนาคตตลาด LIVE Commerce ผ่านมุมมองการตลาดสมัยใหม่

อัปเดตเมื่อ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อพูดถึงการไลฟ์ขายของ หลายคนอาจนึกถึงยุคเฟื่องฟูช่วงปี 2020-2022 ที่พ่อค้าแม่ค้าแทบทุกคนต่างแห่กันจับไมค์หน้าโทรศัพท์ นำเสนอสินค้าอย่างมีชีวิตชีวาให้ผู้ชมตัดสินใจซื้อในทันที ทว่าในปี 2025 นี้ เราจำเป็นต้องตั้งคำถามใหม่ว่า "การไลฟ์ขายของยังไปได้อยู่ไหม?"


เพื่อหาคำตอบ เราต้องมองให้ลึกกว่าตัวเลขยอดขาย ต้องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน พิจารณาโครงสร้างของแต่ละแพลตฟอร์ม และสำรวจกลไกทางการตลาดที่หล่อเลี้ยงการไลฟ์สดเหล่านี้ พร้อมทั้งเสนอแนวทางสู่ความสำเร็จในโลกที่ไม่หยุดนิ่งนี้



บทวิเคราะห์สถานการณ์ LIVE Commerce บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ

Facebook Live

จากเจ้าตลาดสู่สนามรบที่ร้อนระอุFacebook เป็นผู้บุกเบิกการไลฟ์ขายของในประเทศไทย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม ส่งผลให้การเข้าถึง (organic reach) ตกต่ำอย่างน่าใจหาย ผู้ขายต้องพึ่งโฆษณามากขึ้นเพื่อนำคนเข้าไลฟ์ นอกจากนี้ ความหนาแน่นของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มทำให้การแข่งขันสูงและต้นทุนการเข้าถึงพุ่งทะยาน

ปัญหา:

  • การลดการมองเห็นโดยธรรมชาติ

  • การพึ่งพาโฆษณาที่มีต้นทุนสูง

  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เบื่อหน่ายไลฟ์ขายตรงแบบเดิม ๆ

แนวทางแก้ไข:

  • พัฒนา Content ที่เน้นการ “สร้างคุณค่า” ไม่ใช่แค่ขายของ เช่น สอนเทคนิค, รีวิวแบบ Real-Time

  • ใช้ Live เป็นส่วนหนึ่งของ Funnel การตลาด ไม่ใช่ทั้งหมด เช่น ไลฟ์เพื่อสร้าง Awareness แล้วปิดการขายใน Chat หรือเว็บไซต์

  • ลงทุนในการสร้างชุมชน (Community Building) บนเพจมากกว่าการไลฟ์รายตัว


TikTok LIVE

พลังแห่งความรวดเร็วและความบันเทิงTikTok เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในวงการ LIVE Commerce โดยใช้โมเดล "Entertain to Sell" หรือขายผ่านความบันเทิง จุดเด่นของ TikTok คือการจับความสนใจได้รวดเร็วผ่านวิดีโอสั้น ส่งผลให้ไลฟ์สดที่เน้นความครีเอทีฟ และ Interactive สามารถสร้างยอดขายได้ถล่มทลาย

ปัญหา:

  • ความเหนื่อยล้าในการสร้าง Content ต้องเร็วและสดใหม่ตลอดเวลา

  • ความยากในการสร้าง Brand Loyalty เพราะผู้ใช้ถูกกระตุ้นด้วยราคาหรือโปรโมชันมากกว่าความสัมพันธ์

  • ระบบแบนเนื้อหาหรือการปิดกั้นการมองเห็นโดย AI ที่ยังไม่แม่นยำ

แนวทางแก้ไข:

  • ออกแบบการไลฟ์ที่ผสาน Game, Quiz, และ Engagement จริงจัง ไม่ใช่เพียงการไลฟ์โชว์สินค้า

  • สร้าง “Personal Brand” ของคนไลฟ์เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ

  • วางแผน Content Calendar อย่างมีวินัย ไม่ไลฟ์พร่ำเพรื่อจนเสียความน่าสนใจ


Shopee LIVE & Lazada LIVE

รูปแบบการ LIVE นี้เป็นการผสานแพลตฟอร์มกับการซื้อแบบ One-Stop ในตลาด E-Commerce เอง Shopee และ Lazada ต่างมี LIVE ในตัว ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถชมสินค้าและสั่งซื้อได้ในคลิกเดียว นี่คือข้อได้เปรียบเชิงระบบที่ Facebook หรือ TikTok ยังทาบไม่ติด

ปัญหา:

  • การแข่งขันด้านราคาอย่างดุเดือด ลดกำไรสุทธิ

  • คุณภาพการผลิต Content ต่ำ ทำให้ผู้ชมไม่เกิด Engagement ยาวนาน

  • อัลกอริทึมเน้นโปรโมชั่นมากกว่าการสร้างแบรนด์ระยะยาว

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ไลฟ์ในช่วงโปรโมชั่นพิเศษเท่านั้น ไม่ไลฟ์ถี่จนผู้บริโภคชินชา

  • สร้าง Signature หรือจุดเด่นในการนำเสนอ เช่น เทคนิคเล่าเรื่อง (Storytelling)

  • ลงทุนในการทำไลฟ์แบบโปรดักชันมืออาชีพเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ


แพลตฟอร์ม

ปัญหา

การแก้ไข

Facebook Live

- การเข้าถึง (Reach) ลดลง - พึ่งพาโฆษณาสูง - ผู้ชมเบื่อไลฟ์รูปแบบเดิม

- สร้าง Content ที่เน้น "คุณค่า" เช่น สอน/รีวิว - ใช้ไลฟ์เป็นส่วนหนึ่งของ Funnel การขาย - สร้างชุมชน (Community Building) บนเพจ

TikTok LIVE

- ต้องผลิต Content รวดเร็วตลอดเวลา - ความยากในการสร้าง Loyalty - ระบบ AI แบนผิดพลาด

- สร้างไลฟ์ที่มีเกม, Quiz, Engagement จริงจัง - สร้าง Personal Brand ของผู้ขาย - วางแผน Content Calendar อย่างมีวินัย

Shopee LIVE & Lazada LIVE

- แข่งขันด้านราคาหนัก - Content คุณภาพต่ำ - อัลกอริทึมเน้นโปรโมชันมากกว่าสร้างแบรนด์

- ไลฟ์เฉพาะช่วงโปรโมชั่นพิเศษ - สร้าง Signature การนำเสนอ (เช่น Storytelling) - พัฒนาไลฟ์ให้ดูมืออาชีพ


ไขรหัส “หัวใจของความสำเร็จ” ในยุคใหม่ของ LIVE Commerce

จากการวิเคราะห์ทั้ง 3 แพลตฟอร์ม เราพบว่าหัวใจของการประสบความสำเร็จในไลฟ์ขายของยุคใหม่ประกอบด้วย 4 แกนหลัก ได้แก่

  1. Authenticity ความจริงใจ:ผู้บริโภคยุคใหม่สามารถ "จับไต๋" ได้ในเสี้ยววินาที การสร้างภาพเกินจริงเป็นอาวุธย้อนศรที่ทำลายแบรนด์ การไลฟ์จึงต้อง "จริงใจ" เห็นได้จากกระแสการเติบโตของ Influencer ที่พูดตรงไปตรงมาโดยไม่ Script

  2. Interactive Engagement:การสร้างปฏิสัมพันธ์สด ๆ ระหว่างการไลฟ์ เช่น การตอบคอมเมนต์ทันที, เกมแจกของรางวัล, หรือการให้ผู้ชมมีส่วนร่วมเลือกสินค้า เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วม

  3. Content is King, Story is Queen:เนื้อหา (Content) ต้องหลากหลายและมีคุณค่า แต่ในขณะเดียวกัน การเล่าเรื่อง (Storytelling) ต้องจับใจผู้ชม เช่น บอกเล่าที่มาของสินค้า หรือเล่าเรื่องชีวิตจริงที่เกี่ยวโยงกับสินค้านั้น

  4. Multi-Channel Strategy:การไลฟ์เพียงแพลตฟอร์มเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้ค้าจำเป็นต้องบูรณาการไลฟ์หลายช่องทาง และผูกกับการทำโฆษณา SEO เว็บไซต์ หรือแม้แต่ Email Marketing เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่ครบวงจร (Customer Journey)


สรุปภาพอนาคต - ไลฟ์ขายของ “ยังไปได้” แต่ไม่ใช่ทุกคนจะไปถึง

ตลาดไลฟ์ขายของยังคงมีศักยภาพเติบโต แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมอีกต่อไป ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะต้องเปลี่ยนจากแนวคิด "ขายสินค้า" เป็น "ขายประสบการณ์" ผ่านการไลฟ์สด

ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า LIVE Commerce จะไม่ใช่เรื่องของใครพูดเก่งที่สุด แต่จะเป็นเรื่องของใคร "สร้างคุณค่าผ่านการมีส่วนร่วม" ได้ลึกที่สุด ความสำเร็จจะเป็นของคนที่เข้าใจหัวใจของมนุษย์ ไม่ใช่แค่เข้าใจวิธีขายสินค้า

ผู้ที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ และพร้อมปรับตัวด้วยกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น แต่หนักแน่นในแกนหลักทั้ง 4 ข้อข้างต้น คือผู้ที่จะยังคงยืนหยัดในสนาม LIVE Commerce ที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน


หมายเหตุอ้างอิง:

  • McKinsey Global Institute, "The Future of Commerce: Social and Live Selling," 2024

  • TikTok Business Insights, "How TikTok LIVE Drives Conversions," 2024

  • Facebook Business Update, "Algorithm Changes and Organic Reach," 2025

Comments


bottom of page