top of page

ตลาดแมวหรือตลาดสุนัขรุ่งกว่ากันในประเทศไทย

ในโลกของสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท คำถามที่หลายคนสงสัย และเป็นที่ถกเถียงกันในวงการธุรกิจคือ "ตลาดไหนใหญ่กว่ากัน ระหว่างตลาดแมวกับตลาดสุนัข?" คำตอบนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะเบื้องหลัง "ตัวเลขผิวเผิน" นั้น ซ่อนเรื่องราวที่ซับซ้อนและน่าสนใจมากกว่าที่เราคิด ทั้งสองตลาดไม่เพียงแต่มีพฤติกรรมการบริโภคและกำลังซื้อที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ยังมี "จิตวิทยาการใช้จ่าย" ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เจ้าของสุนัข มักมองสุนัขเป็น "เพื่อนคู่ใจ" ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด การใช้จ่ายจึงเน้นไปที่บริการและกิจกรรมร่วมกัน ในขณะที่ เจ้าของแมว มักมองแมวเป็น "สมาชิกครอบครัวพิเศษ" ที่ต้องการพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบ การลงทุนจึงไปในทิศทางการ "ปรับปรุงบ้าน" และอุปกรณ์เฉพาะทาง การต่อสู้ทางเศรษฐกิจระหว่างสองตลาดนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การเปรียบเทียบตัวเลข แต่เป็นการวิเคราะห์ "วัฒนธรรมการใช้จ่าย" ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงในยุคใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้เราต้องคิดใหม่เกี่ยวกับตลาดสัตว์เลี้ยงไทยทั้งหมด


ree

ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงไทย เมื่อสัตว์เลี้ยงกลายเป็นคนในครอบครัว

ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาทต่อปี และเติบโตต่อเนื่องในอัตรา 8-12% ทุกปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทยที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

จากข้อมูลการสำรวจล่าสุด พบว่าในประเทศไทยมี:

  • ครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัข: ประมาณ 4.2 ล้านครัวเรือน

  • ครัวเรือนที่เลี้ยงแมว: ประมาณ 3.8 ล้านครัวเรือน

แต่ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราว เพราะ พฤติกรรมการใช้จ่าย ของเจ้าของสุนัขและแมวแตกต่างกันมากเลยทีเดียว


ree

พฤติกรรมเจ้าของสุนัข ที่ความจงรักภักดีที่แปลเป็นเงิน

เจ้าของสุนัขในประเทศไทยมีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาตัว โดยเฉลี่ยแล้ว เจ้าของสุนัขใช้จ่ายประมาณ 3,500-5,500 บาทต่อเดือน สำหรับสุนัขหนึ่งตัว


รูปแบบการใช้จ่ายของเจ้าของสุนัข

ประเภทของค่าใช้จ่าย

ของการใช้จ่าย

ราคาตลาด

อาหารและขนม

40%

  • อาหารแห้งคุณภาพดี 800-1,500 บาท/เดือน

  • อาหารเปียก หรือขนมรางวัล 300-600 บาท/เดือน

  • ของใช้ประจำวัน เช่น แชมพู ยาแปรงฟัน 200-400 บาท/เดือน

การรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพ

25%

  • ตรวจสุขภาพประจำปี 1,500-3,000 บาท

  • วัคซีนและยาป้องกันเห็บหมัด 2,000-4,000 บาท/ปี

  • ค่ารักษาเมื่อป่วย เฉลี่ย 5,000-15,000 บาท/ปี

อุปกรณ์และของเล่น

20%

  • ปลอกคอ สายจูง อุปกรณ์ออกกำลังกาย

  • ของเล่นและอุปกรณ์ฝึกวินัย

  • เตียงนอน บ้านสุนัข

บริการเสริม

15%

  • อาบน้ำ ตัดขน ตกแต่ง 300-800 บาท/ครั้ง

  • บริการฝากเลี้ยง 500-1,500 บาท/วัน

  • คอร์สฝึกสุนัข 3,000-15,000 บาท


พฤติกรรมเจ้าของแมว ทาสนักเปย์กับเจ้านายจอมหยิ่ง

เจ้าของแมวมีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ซับซ้อนกว่าที่คิด การสำรวจล่าสุดพบว่าเจ้าของแมวใช้จ่ายเฉลี่ย 3,500-6,800 บาทต่อเดือน ต่อแมวหนึ่งตัว โดยเฉพาะในกลุ่มของใช้ตกแต่งบ้านและอุปกรณ์เฉพาะแมวที่มีราคาสูง


ree

จุดพิเศษของตลาดแมว: เจ้าของแมวมักจะลงทุนครั้งใหญ่ในการ "ปรับปรุงบ้าน" เพื่อแมว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ปรากฏในการคำนวณรายเดือน แต่ส่งผลต่อ ARPU (Average Revenue Per User) ในระยะยาว


รูปแบบการใช้จ่ายของเจ้าของแมว

ประเภทของค่าใช้จ่าย

ของการใช้จ่าย

ราคาตลาด

อาหารและขนม

35%

  • อาหารแมวคุณภาพดี 600-1,200 บาท/เดือน

  • อาหารเปียกและขนม 400-800 บาท/เดือน

  • ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ 200-500 บาท/เดือน

ทรายแมวและสุขอนามัย

20%

  • ทรายแมวคุณภาพดี 400-800 บาท/เดือน

  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 150-300 บาท/เดือน

การรักษาพยาบาล

15%

  • ตรวจสุขภาพและวัคซีน 1,000-2,500 บาท/ปี

  • ค่ารักษาเมื่อป่วย เฉลี่ย 3,000-8,000 บาท/ปี

อุปกรณ์และการปรับปรุงบ้าน

30%

  • คอนโดแมวพรีเมียม: 5,000-50,000 บาท (ครั้งเดียว)

  • Cat Wall และ Cat Walk: 10,000-100,000 บาท

  • ตู้ทรายแมวอัตโนมัติ: 15,000-80,000 บาท

  • กล้องวงจรปิดสำหรับดูแมว: 3,000-20,000 บาท

  • เฟอร์นิเจอร์ออกแบบพิเศษ: 8,000-200,000 บาท

  • เก้าอี้ข่วน ของเล่นกระตุ้นสติปัญญา 500-5,000 บาท/เดือน

การลงทุนครั้งใหญ่ของเจ้าของแมว (Hidden Cost)

สิ่งที่ทำให้ ARPU ของเจ้าของแมวสูงกว่าเจ้าของสุนัขในระยะยาว คือการลงทุนปรับปรุงบ้าน เจ้าของแมวเฉลี่ยจะใช้จ่าย:

  • ปีแรก: 50,000-150,000 บาท สำหรับการปรับปรุงบ้าน

  • ทุก 2-3 ปี: 20,000-80,000 บาท สำหรับการอัพเกรดอุปกรณ์


ตลาดไหนใหญ่กว่ากัน ระหว่าง "สุนัข" กับ "แมว"

เมื่อนำตัวเลขมาคำนวณแบบ Total Cost of Ownership รวมถึงการลงทุนครั้งใหญ่ เราจะได้ภาพรวมที่แตกต่างจากที่คิด

มูลค่ารวมตลาดสุนัข

มูลค่ารวมตลาดแมว

4.2 ล้านครัวเรือน × 4,500 บาท/เดือน × 12 เดือน ประมาณ 226,800 ล้านบาท/ปี

  • รายเดือน: 3.8 ล้านครัวเรือน × 5,150 บาท/เดือน × 12 เดือน = 234,840 ล้านบาท

  • การปรับปรุงบ้านและที่อยู่อาศัย 3.8 ล้านครัวเรือน × 35,000 บาท/ปี = 133,000 ล้านบาท

    รวมตลาดแมว = 367,840 ล้านบาท/ปี


หมายเหตุ - ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ

เมื่อคำนวณ Total Spending ตลาดแมวมีมูลค่าสูงกว่าตลาดสุนัขประมาณ 62% ส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนในอุปกรณ์และการปรับปรุงบ้าน

ARPU Comparison (5 ปีแรก)

  • เจ้าของสุนัข: 270,000 บาท/5 ปี

  • เจ้าของแมว: 485,000 บาท/5 ปี (สูงกว่า 79%)


เทรนด์และการเปลี่ยนแปลงในอนาคต


ตลาดสุนัข

ตลาดแมว

แนวโน้มของตลาด

ความมั่นคงแต่เติบโตช้า

  • เติบโตเฉลี่ย 6-8% ต่อปี

  • ลูกค้าเน้นคุณภาพและบริการเสริม

  • การแข่งขันสูงในกลุ่มสินค้าพรีเมียม

ตลาดเกิดใหม่ที่เติบโตเร็ว

  • เติบโตเฉลี่ย 12-15% ต่อปี

  • กลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวเพิ่มขึ้น

  • นวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง

บริการที่น่าจับตามอง

  • บริการครบวงจร เช่น โรงพยาบาลสัตว์, โรงแรมสุนัข, บริการฝึกสุนัข

  • สินค้าพรีเมี่ยม เช่น อาหารออร์แกนิก, อุปกรณ์เทคโนโลยี

  • E-commerce เช่น การสั่งซื้อออนไลน์และส่งถึงบ้าน

  • ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เช่น ทรายแมวไร้ฝุ่น, ของเล่นไฮเทค

  • บริการเฉพาะทาง: คลินิกเฉพาะแมว, บริการดูแลแมวที่บ้าน

  • E-commerce เช่น การสั่งซื้อออนไลน์และส่งถึงบ้าน


สรุปแล้วตลาดไหนน่าลงทุนกว่ากัน?

จากการวิเคราะห์ข้างต้น พบว่า ตลาดแมวมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงกว่าตลาดสุนัข เมื่อคิดรวม Total Cost of Ownership แม้ว่าจะมีจำนวนครัวเรือนน้อยกว่า แต่มี ARPU สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

Insight สำคัญ:

  • ตลาดสุนัข: มีฐานลูกค้าใหญ่ แต่การใช้จ่ายคาดการณ์ได้ง่าย

  • ตลาดแมว: ฐานลูกค้าน้อยกว่า แต่มูลค่าต่อลูกค้าสูงกว่ามาก


สำหรับนักธุรกิจที่กำลังมองหาโอกาส:

  • เน้นตลาดสุนัข หากต้องการตลาดมวลชนและการหมุนเวียนรายได้ที่สม่ำเสมอ

  • เน้นตลาดแมว หากต้องการ Premium Market ที่มี ARPU สูงและการเติบโตที่รวดเร็ว

  • ทำทั้งสองตลาด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการ Portfolio ที่หลากหลาย


ในท้ายที่สุด ตลาดแมวกำลังกลายเป็น "ตลาดทอง" ที่มีมูลค่าสูงและเติบโตเร็ว ในขณะที่ตลาดสุนัขยังคงเป็นฐานที่มั่นคงสำหรับธุรกิจ การลงทุนในทั้งสองตลาดจึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด


อ้างอิง (References)

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2024). "การสำรวจสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนไทย พ.ศ. 2567"

  • สมาคมผู้ประกอบการอาหารสัตว์ไทย (2024). "รายงานตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงประจำปี 2567"

  • บริษัท เนลสัน ไอคิว (ประเทศไทย) (2024). "Pet Industry Consumer Behavior Report Thailand 2024"

  • ธนาคารกรุงเทพ - ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ (2024). "อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง: โอกาสการลงทุนใหม่ของไทย"

  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ - คณะสัตวแพทยศาสตร์ (2023). "การศึกษาพฤติกรรมการดูแลสัตว์เลี้ยงของคนไทยยุคดิจิทัล"

  • บริษัท คันทาร์ (ประเทศไทย) (2024). "Pet Owner Spending Pattern Analysis 2024"

  • สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (2024). "นวัตกรรมในอุตสaหกรรมสัตว์เลี้ยงไทย"

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (2024). "รายงานภาคอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง Q2/2567"

  • บริษัท ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (2024). "Pet Care in Thailand: Market Analysis and Forecast"

  • กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2024). "สถิติการนำเข้า-ส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง"

留言


bottom of page